แคมป์ปิ้งโต้ลมหนาวที่อุทยานแห่งชาติขุนสถาน
ว่างเว้นจากการสอนร้องเพลง..ครูแอร์..จากเว็บKruAir.com ขออาสาเป็นคนเล่าเรื่องพาพี่ๆน้องๆในAddSiam.comเที่ยวกันสักหน่อยนะคะ มาจังหวัดน่านก็หลายหนแล้วแต่ยังไม่เคยเที่ยวค้างคืนโต้ลมหนาวบนยอดดอยที่ไหนเลย ทริปนี้ถือเป็นทริปปฐมฤกษ์ในการฝึกปรือเล่าเรื่องท่องเที่ยวในChanelเที่ยวแบบครอบครัว โดยครูแอร์ ก็เลยจะขอพาเที่ยวโต้ลมหนาวที่ อช.ขุนสถาน จ.น่าน ละกันนะคะ

กำลังจะไต่ระดับขึ้นสูบนฟ้า อิๆๆ

สองแม่-ลูกตื่นขึ้นมาเจอวิวสวยๆก็ลั๊นลากันเชียว
จากเส้นหลักสายแพร่–น่านเข้ามาถึงแยกบ้านห้วยแก๊ต อ.ร้องกวาง จ.แพร่ ให้เลี้ยวเข้ามาตามป้ายเข้ามาอีก 24 กิโลเมตร ขับรถขึ้นเขามาเรื่อยๆ ระหว่างทางต้นไม้เขียวเต็มไปหมด ยิ่งขับสูงขึ้นมายิ่งมองเห็นทิวเขาเป็นลูกๆหลายสิบลูกเรียงๆกันไปไม่เป็นระเบียบนัก แต่มันมองแล้วสบายตาม๊ากมากอย่างบอกไม่ถูก ทำให้ต้องแวะจอดรถถ่ายรูปแอ๊คท่ากันไปตามประสาแม่ลูกบ้ากล้อง เพราะป๊าเป็นคนถ่ายรูปให้เลยไม่ค่อยมีรูปป๊าเท่าไหร่ อีกอย่างคือป๊าเค้าไม่ค่อยชอบถ่ายรูปตัวเองเท่าไหร่ ทั้งๆที่เป็นคนทำเว็บเกี่ยวกับท่องเที่ยวเว็บนี้ขึ้นมา (มันเป็นเรื่องที่น่างงมากๆเลยนะเนี่ย)

ถึงด้านบนอุทยานแล้ว

ถ่ายรูปครอบครัวกะป้ายสถานที่สักหน่อย
หลังจากถ่ายรูปกันเสร็จสรรพก็ขับรถขึ้นเขากันต่อ เส้นทางก็ไม่ยากนะเพียงแต่จะมีโค้งอยู่บ้าง แต่หากใครเคยขับรถไปแม่ฮ่องสอนหรือปายมาแล้ว ทางเส้นนี้จะขับได้สบายๆเลยล่ะ อ่อ..ก็จะมีอยู่ช่วงก่อนถึงอุทยาน4กิโลเมตร ถนนจะขรุขระเป็นหลุมเป็นบ่ออยู่บ้างช่วงตรงนี้ให้ระวังหน่อยนะคะ ไม่งั้นช่วงล่างอาจมีพังได้

เฮฮากันตลอดทางขึ้นเขาจนถึงที่หมาย

รูปหมูกับวิวสวยๆอีกสักรูป (ตั้งใจหมู อิๆ)
ลัดเลาะตามเขาจนมาถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติขุนสถาน เราก็ได้พบเจอกับเจ้าหน้าที่มาต้อนรับด้วยหน้าตาที่ยิ้มแย้ม ทำให้รู้สึกประทับใจและอุ่นใจมากเลยค่ะ มีทั้งวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม และมีทั้งคนที่นี่ที่ต้อนรับอย่างเป็นกันเอง อ่อ..ลืมบอกไปว่าพอเปิดประตูรถออกมา สิ่งแรกที่สัมผัสได้คืออากาศที่เปลี่ยนไปแบบไม่น่าเชื่อ เพราะก่อนขึ้นมาอากาศข้างล่างค่อนข้างร้อนและแดดออกพอประมาณ แต่พอขึ้นมาที่อุทยานแห่งชาติขุนสถานนี่ อากาศกลับเปลี่ยนเป็นเย็นสบายมาก เพราะเรา3คนขึ้นมาถึงที่นี่ประมาณบ่าย3โมงครึ่ง อากาศน่าอยู่ที่ประมาณ 23องศาเซลเซียส ที่สำคัญคือ ตัวครูแอร์เองใส่กางเกงขาสั้น ซึ่งแรกๆ ก็พอทนสบายๆ ลั้ลลาถ่ายรูปกับป๊ากับลูกได้แบบเพลินๆ

ติดต่อห้องพักได้ที่ทำการอุทยาน

ทางขึ้นสู่ที่พักเป็นทางขึ้นเขาที่ชันหน่อย
เมื่อลงทะเบียนเข้าที่พักเสร็จเรียบร้อย เสียดายช้าไปนิ๊ดเดียว ไม่อย่างงั้นคงจะได้ห้องพักที่อยู่บนเนินเขา ซึ่งวิวตรงนั้นสวยมากๆ มองเห็นวิวได้เกือบๆ 360องศาเลยล่ะ แต่ก็เอาเถอะยังดีที่เราก็ได้ห้องพักที่หันหน้าไปทางทิศตะวันออก เจ้าหน้าที่เค้าบอกว่าห้องนี้ก็ดีสามารถมองเห็นพระอาทิตย์ขึ้นได้จากในห้องพักเลยทีเดียว ไม่ต้องลุกเดินไปที่ไหน ที่สำคัญช่วงที่เราเข้าพักค่าห้องพัก ทางเจ้าหน้าที่บอกว่าแล้วแต่เราจะจ่ายสนับสนุนช่วยเหลืออุทยานฯเท่าไหร่ก็ได้ ถือว่าเป็นการช่วยเหลือกันไปตามอัตภาพซึ่งก็เป็นสิ่งที่ดีค่ะ

บริเวณสนามหญ้าหน้าที่ทำการอุทยาน

จุดนี้สามารถชมวิวได้เกือบๆ360องศา
พอเก็บของเข้าห้องพักเสร็จแล้วก็ไปลั้ลลาถ่ายรูปกันต่อจนลืมไปว่าไม่ได้ เตรียมอาหารมื้อเย็นและของกินเล่นมาไว้กินกันเลย เพราะทีแรกไม่ได้ตั้งใจจะพักค้างคืน แต่พอได้มาเห็นบรรยากาศจริงเลยอดไม่ได้ที่จะเปลี่ยนใจพักค้างคืนที่นี่ ยังไงคืนนี้ก็ต้องขอพักเพื่อซึมซับบรรยากาศที่นี่กันหน่อย ต้องเดือดร้อนป๊าขับรถออกไปหาอะไรมาให้กินก่อนที่ป๊าเค้าจะโทรชวนเพื่อนขึ้นมาซึมซับบรรยากาศด้วยกัน ซึ่งป๊าก็ได้มาแค่มาม่าควิกคนล่ะถ้วยแค่นั้นเอง เพราะยังไม่ถึงช่วงฤดูท่องเที่ยวดีนักข้าวของแถวนี้ก็เลยยังไม่ค่อยมีอะไรขายมากนัก แต่ก็ยังดีกินมาม่าร้อนๆแก้หนาวกัน

บ้านพักหลังนี้วิวสวยที่สุดเลยล่ะ

เส้นทางที่เราผ่านมาก่อนขึ้นถึงจุดหมาย

บรรยากาศยามพระอาทิตย์อัศดง

ใกล้ค่ำเต็มทีแล้ว พระจันทร์สวยด้วย
ตกเย็นลงมาอีกหน่อยกางเกงขาสั้นเริ่มทำพิษ เราเองชักจะทนกับอากาศหนาวไม่ไหวแล้ว เพราะยิ่งมืดลงอากาศก็ยิ่งเย็นลงมากขึ้น จนในที่สุดก็ต้องอาบน้ำเปลี่ยนเป็นกางเกงขายาว(กางเกงเล)จนได้ ที่สำคัญคือ ทางอุทยานฯเค้ามีเครื่องทำน้ำอุ่นให้นะ...แต่ว่าดันเปิดไม่เป็นเพราะไม่เคยใช้ระบบแก๊ส เลยต้องทนอาบน้ำเย็น ขอบอกเลยว่ามันเย็นเข้ากระดูกเลยทีเดียวล่ะ แต่ทำไงได้ก็คนเปิดไม่เป็นอ่ะ แถมป๊าลูกก็ไปลั้ลลาถ่ายรูปกันไม่มีใครอยู่ช่วยเราเลย กลัวเสียฟอร์มเลยต้องยอมอาบน้ำเย็น ออกมาแทบแข็งตาย..

นี่คือแสงสุดท้ายของวันนี้

ได้รู้จักดาวบนดิน ก็บนอช.ขุนสถาน นี่แหละ
ที่อุทยานฯเนี่ยมืดตั้งแต่ 6โมงเย็นแล้วล่ะ อากาศก็หนาวลงอีก แค่กางเกงเลก็ชักเริ่มไม่ไหว เลยตัดสินใจไปเปลี่ยนเป็นกางเกงยีนส์ขายาวอีกที ทีนี้แหละค่อยยังชั่วขึ้นมาหน่อย เลยแอบเดินไปดูเทอร์โมมิเตอร์ที่หน้าห้องเจ้าหน้าที่ อุณหภูมิบนยอดดอยแห่งนี้เหลืออยู่แค่ 16องศา โอ้ว....แม่จ้าววว.. ปรับตัวไม่ทันอ่ะ หนาวๆๆๆ

ที่พักของเราในค่ำคืนนี้ื รอดูพระอาทิตย์ขึ้น

ช่วยกันก่อไฟทำอาหารกินกัน
ซักพักป๊าก็ตะโกนเรียกให้รีบมาดูอะไรนี่ ไอ่เราก็ก้าวขาแทบไม่ค่อยออกเพราะขาแข็งด้วยความหนาว แต่พอมายืนดูเงยหน้ามองขึ้นไปบนฟ้าก็เห็นดาวเต็มฟ้าไปหมดเลย แถมมองลงไปข้างล่างตามทิวเขาก็มีแสงไฟตามบ้านของชาวบ้านแถวนี้เปิดอยู่มอง เห็นเป็นจุดๆสีขาวๆ เหมือนๆว่าเป็นดาวบนดินเลย ข้างบนก็มีดาว บนพื้นดินก็มีดาวด้วยเหมือนกันแฮะ สวยจริงๆอ่ะ ไม่เสียดายที่ยอมทนหนาวค้างคืนที่นี้ได้บรรยากาศจริงๆเลยล่ะ

คุณน้ากะคุณหลานหมักหมูกัน

คุณลุงชอบมะเขือเผา 555
ประมาณ1ทุ่มเพื่อนเราอีก 2คนก็ตามเราขึ้นมาถึงอุทยานฯ เหตุเพราะป๊าโทรฯไปอวดว่าบรรยากาศสวยมาก เพื่อนๆเลยรีบขนเสบียงขึ้นตามมาแม้จะใกล้มืดค่ำเต็มทีแล้ว เพื่อนขนมาเพียบทั้งเนื้อหมู กระดูกหมู เตา ถ่าน จาน ชาม กระทะ เรียกว่าจัดเต็มกะว่าไงๆคืนนี้คงทำอะไรอร่อยๆ กินไปคุยไปกันยันเช้าชัวร์ ทริปนี้ก็แบ่งหน้าที่กันไป พวกผู้ชายในฐานะลูกเสือเก่าก็ทำหน้าที่ติดเตา แต่บนนี้ลมมันพัดแรงมากๆ กว่าเตาจะติดเล่นเอาหน้ามืดไปตามๆกัน ส่วนตัวเองก็ไม่คุ้นเคยกับอากาศหนาวขนาดนี้ แบบว่าคนกรุงเทพฯอ่ะ...ปรับตัวไม่ทันจริงๆ นี่ขนาดว่าใส่เสื้อกันหนาวถึง 2ตัวแล้วยังเอาไม่อยู่เลยอ่ะ..อิๆๆ

หมูปิ้ง กัน ซี่โครงปิ้ง หมักด้วยไวน์

หมอกมาปลุกในยามเช้า

เช้านี้หมอกลงเยอะมากๆ

หมอกปกคลุมไปทั่วบริเวณ
พวกเราทั้ง 5คนก็ช่วยกันปิ้งๆย่างๆ รวมถึงเจ้าตัวลูกชายที่ก็คอยก่อกวนคนนั้นคนนี้ไปทั่ว ด้วยความที่อยากช่วยและอยากรู้อยากเห็น แต่พวกเราก็ห่วงกลัวจะเดินไปเดินมาไปเตะเอาเตาร้อนๆเนี่ยสิ จบเลย หมดสนุกกันพอดี เลยต้องคอยบอกและสอนเค้าด้วยเหตุผลอยู่เรื่อยๆ ยิ่งดึกมากขึ้น อากาศก็ยิ่งเย็นลง ที่สำคัญที่ทำให้ตัวครูแอร์เองทนไม่ไหวแล้วก็คือลม มันพัดโกรกๆแรงมากๆ ทั้งลม ทั้งหนาว เลยยอมแพ้ขอไปนอนซุกผ้าห่มกับเจ้าลูกชายก่อนดีกว่า ปล่อยให้อีก 3คนเค้านั่งคุยกินบรรยากาศกันต่อไป

นี่เกือบๆจะ11โมงแล้ว หมอกยังไม่หมด

ยะฮู้ววววว์ หมอกเริ่มหมดฟ้าสวยมากๆ
แต่ขนาดอยู่ในห้องพักก็ยังได้ยินเสียงลมพัดได้อย่างชัดเจนเลยล่ะ ถ้าจินตนาการก็จะเหมือนกับว่าเสียงลมที่นี่เหมือนๆกับเสียงคลื่นขนาดใหญ่ที่กำลังโถมเข้ามากระทบฝั่งเป็นระยะๆเลยทีเดียว ไอ่เราก็นึกว่า 3คนนั้นจะนั่งคุยกันยันเช้าซะอีกเพราะเตรียมของมาเพียบ แต่ที่ไหนได้แค่ 5ทุ่มก็ชวนกันเข้านอนล่ะ คงจะทนลมพัดไม่ไหว ต่างๆคน ต่างนอนซุกใต้ผ้าห่ม 2-3 ผืนยังไม่อยู่เลย หนาวมากๆ หนาวจริงๆค่ะคืนนี้

ช่วง11โมงอากาศเย็นสบายที่สุด

หามุมถ่ายรูปกัน
เช้ามารีบตื่นกันแต่เช้า เพราะอยากเห็นทะเลหมอก ก็สมใจจริงๆแหล่ะเพราะมันขาวโพลนไปหมดเลย หมอกลงเยอะมาก มองอะไรแทบไม่เห็น รู้สึกว่าตอนตืนมาน่าจะซักประมาณ 7โมงครึ่งเห็นจะได้ หนุ่มๆชวนกันออกไปเดินดูทะเลหมอก แต่สาวๆไม่ไหวล่ะค่ะ ยังขอที่จะซุกอยู่ในผ้าห่มก่อนเพราะแม้จะอยู่ในห้องนอน แต่ก็ยังสามารถที่มองเห็นทะเลหมอกข้างนอกได้เหมือนกัน กะว่าจะนั่งรอดูพระอาทิตย์ขึ้นคงจะสวยน่าดู แต่ขอโทษค่ะเห็นแต่หมอก ไม่มีแสงอาทิตย์ซักนิดเลย

จะบินกันซะแร้วววว..

กิจกรรมยามว่าง ดูหนังกัน 555
เดินเล่นกลางสายหมอก และสูดอากาศยามเช้าจนสมใจ ก็ชวนกันมาติดเตาต้มน้ำชงชา กาแฟ โอวัลติน นั่งกินบรรยากาศยามเช้ากลางสายหมอกกันต่อ พอได้ feeling แบบชิลล์ๆ ในยามเช้า ส่วนเชฟกระทะเหล็กของเราก็ลงมือต้มโจ๊ก และอาหารหลักก็คือมาม่าให้พวกเราได้กินกันแบบร้อนๆ

หนุกหนานกันจริงๆ

วิวสวยๆอีกมุมบน อช.ขุนสถาน

มุมนี้ทำให้เห็นว่าเราอยู่บนยอดเขาสูงจริงๆ

แสงแดดเริ่มสาดส่งลงมาแล้ว ได้เวลากลับกัน
ก็สนุกดีไปอีกแบบนะคะ มาเที่ยวกันแบบครอบครัวๆกันแบบนี้ ลองมาเที่ยวกันดูนะคะที่อุทยานแห่งชาติขุนสถาน แล้วคุณจะได้สัมผัสบรรยากาศของอากาศหนาวได้อย่างเต็มที่เลย หรือถ้าใครบางคนจะมานอนเต้นท์ ไม่ได้พักห้องพักแบบพวกเรา ที่อุทยานฯก็มีบริการให้นะคะ จะเอาเต้นท์มาเองหรือจะมาขอเช่าเต้นท์ที่เจ้าหน้าที่ก็ได้ค่ะ แต่แนะนำนิดนะคะ ต้องเป็นเต้นท์ที่แข็งแรงต้านลมได้หน่อย เพราะลมแรงมากจริงๆค่ะ อ่อ..ถุงนอนก็จำเป็นมากเหมือนกันนะถ้ามีต้องเอาติดมาด้วยจะนอนได้สบายมาก ขึ้นอีก หนาวนี้มาเที่ยวกันนะค่ะ อุทยานแห่งชาติขุนสถานรับรองเลยค่ะว่าไม่ผิดหวังแน่นอนค๊าาาาา..

ระหว่างเส้นทางกลับสู่เมืองน่าน

แผนที่การเดินทาง ขุนสถาน
สอบถามข้อมูลได้ที่ อุทยานแห่งชาติขุนสถาน โ่ทร.054-701121, 054-731585, 054-731688